5 เหตุผลที่โรงงานของคุณควรลงทุนใน Turbidity Sensor วันนี้
ก่อนที่จะมาทำความเข้าใจถึงเหตุผลในความจำเป็นต้องใช้ Turbidity Sensor เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเจ้าเครื่องตรวจวัดความขุ่นของน้ำชนิดนี้ มันคืออะไร
Turbidity Sensor คือ เซ็นเซอร์ตรวจวัดระดับความขุ่นของน้ำแบบเรียลไทม์ โดยใช้หลักการวัดแสงกระเจิงเพื่อบอกปริมาณอนุภาคแขวนลอยในน้ำ
จุดประสงค์ของการวัดความขุ่น:
ควบคุมคุณภาพน้ำ โดยการตรวจหาปริมาณตะกอนหรืออนุภาคแขวนลอยที่อาจมีผลต่อความสะอาด ความปลอดภัย และความเสถียรของกระบวนการผลิตหรือการใช้งานน้ำ
ตัวอย่างวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ตรวจสอบว่าน้ำ สะอาดพอสำหรับดื่มหรือใช้ในกระบวนการผลิต หรือไม่
ตรวจจับความผิดปกติในน้ำ แบบเรียลไทม์ เช่น ตะกอนหลุดจากระบบกรอง
ควบคุมประสิทธิภาพของ ระบบกรอง, ระบบฆ่าเชื้อ, หรือระบบบำบัดน้ำเสีย
ลดความเสี่ยงจาก เชื้อโรค แบคทีเรีย หรือสิ่งเจือปนในน้ำที่ตามองไม่เห็น
ป้องกัน การอุดตันหรือความเสียหายต่อเครื่องจักร จากสิ่งแปลกปลอมในน้ำ ก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต
ในยุคที่ทุกวินาทีของกระบวนการผลิตมีผลต่อคุณภาพและต้นทุน การตรวจสอบน้ำที่ใช้ในระบบเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากโรงงานของคุณยังไม่มี Turbidity Sensor (เซ็นเซอร์วัดความขุ่นของน้ำ) หรือ Turbidity Meter (เครื่องวัดความขุ่น) นี่คือ 5 เหตุผลชัด ๆ ว่าทำไมคุณควรลงทุนตั้งแต่วันนี้
1. ตรวจวัดความขุ่นแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องรอผลจากห้องแล็บ
Turbidity Sensor สามารถติดตั้งแบบ อินไลน์ หรือเชื่อมต่อกับระบบท่อได้โดยตรง ทำให้ตรวจสอบค่าความขุ่นได้แบบต่อเนื่องและเรียลไทม์ ไม่ต้องเก็บตัวอย่างส่งแล็บ ไม่ต้องเสียเวลารอผล ช่วยให้โรงงานตอบสนองต่อปัญหาได้ทันที
น้ำที่มีความขุ่นสูงอาจดูไม่มีพิษภัย แต่ในระบบอุตสาหกรรมมันคือศัตรูเงียบ
- ทำให้เครื่องจักรอุดตัน
- ส่งผลต่อคุณภาพผลิตภัณฑ์
- เร่งการสึกหรอของอุปกรณ์
การติดตั้ง Turbidity Sensor ช่วยให้คุณ ควบคุมคุณภาพน้ำก่อนเข้าสู่กระบวนการผลิต ได้อย่างแม่นยำ
3. ควบคุมมาตรฐานน้ำทิ้ง – ผ่านทุกการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม
โรงงานที่ปล่อยน้ำทิ้ง จำเป็นต้องควบคุมคุณภาพน้ำให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกรมควบคุมมลพิษหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การใช้ Turbidity Sensor ช่วยตรวจวัดค่าความขุ่นของน้ำทิ้งก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำจริง ลดความเสี่ยงในการถูกปรับหรือถูกระงับการดำเนินงาน
4. เก็บข้อมูล วิเคราะห์แนวโน้ม เพื่อปรับปรุงระบบได้ทันที
Turbidity Sensor สมัยใหม่ (บางรุ่น) สามารถเชื่อมต่อกับระบบ SCADA, PLC หรือซอฟต์แวร์ IoT เพื่อเก็บค่าความขุ่นแบบต่อเนื่อง นำไปวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำ และวางแผนการบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนไส้กรองได้ล่วงหน้า ลดต้นทุนแบบยั่งยืน
5. ยกระดับมาตรฐานโรงงานให้เทียบเท่าระดับสากล
การมีระบบตรวจสอบน้ำที่แม่นยำด้วย Turbidity Sensor ไม่เพียงช่วยให้ผ่านมาตรฐาน ISO, GMP, HACCP แต่ยังช่วยให้ลูกค้า คู่ค้า และผู้ตรวจสอบ เชื่อมั่นในระบบควบคุมคุณภาพของโรงงานคุณ ถือเป็นภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร
หน่วยวัดที่เกี่ยวข้อง ที่ใช้กับเครื่องวัดน้ำขุ่นของน้ำ (Turbidity Sensor)
เครื่องวัดน้ำขุ่นของน้ำ หรือ Turbidity Sensor ใช้ในการวัดปริมาณความขุ่นของน้ำ ซึ่งเกิดจากอนุภาคแขวนลอยในน้ำ เช่น ดิน ตะกอน แบคทีเรีย หรือสารอินทรีย์ต่าง ๆ โดยค่าความขุ่นนี้จะถูกแสดงผลออกมาในรูปของ หน่วยเฉพาะทาง ที่มีการใช้งานตามมาตรฐานสากล ซึ่งได้แก่
1. NTU (Nephelometric Turbidity Units)
- เป็นหน่วยวัดความขุ่นตามมาตรฐานของ US EPA (Environmental Protection Agency)
- ใช้กับเครื่องวัดที่ใช้แหล่งกำเนิดแสงขาว (Visible Light) และเซนเซอร์ตรวจวัดการกระเจิงของแสงที่มุม 90 องศา
- เหมาะกับงานด้านน้ำดื่ม น้ำประปา และงานทั่วไปที่ต้องการความแม่นยำสูง
ตัวอย่าง: มาตรฐานน้ำดื่มของ WHO กำหนดว่า NTU ต้องไม่เกิน 1
2. FNU (Formazin Nephelometric Units)
- เป็นหน่วยตามมาตรฐาน ISO 7027 ซึ่งใช้แหล่งกำเนิดแสงอินฟราเรด
- ข้อดีคือ ไม่ถูกรบกวนโดยสีของน้ำ จึงเหมาะกับการวัดน้ำเสีย หรือน้ำที่มีสี
- ใช้บ่อยในงานอุตสาหกรรมในยุโรป และระบบที่ต้องการความเสถียรของค่าความขุ่นในสภาพน้ำที่ไม่ใส
3. FAU (Formazin Attenuation Units)
- ใช้กับเครื่องที่วัดความขุ่นแบบการลดทอนแสง (Attenuation Method)
- เหมาะกับน้ำที่มีความขุ่นสูงมาก ๆ หรือการวัดในท่อที่ไม่มีมุม 90 องศาให้แสงกระเจิง
- ไม่เป็นที่นิยมเท่า NTU หรือ FNU แต่ยังพบได้ในบางเครื่องรุ่นเฉพาะทาง
4. EBC (European Brewery Convention)
- ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเบียร์และเครื่องดื่ม
- วัดความขุ่นในระดับต่ำมาก โดยเฉพาะในเบียร์ น้ำผลไม้ หรือของเหลวใสที่มีความต้องการคุณภาพสูง
- เครื่องวัดที่รองรับ EBC จะมีการแปลงค่าตามมาตรฐานเฉพาะของอุตสาหกรรม
5. JTU (Jackson Turbidity Units)
- เป็นหน่วยวัดแบบดั้งเดิม (Old standard) ที่อิงกับความสูงของคอลัมน้ำที่สามารถมองเห็นแสงผ่านได้
- ปัจจุบันไม่ค่อยใช้งานในระบบดิจิทัล แต่ยังมีอยู่ในงานวิชาการบางส่วนหรือการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์
สรุปตารางเปรียบเทียบหน่วยวัดของ Turbidity Sensor
| หน่วยวัด |
แหล่งกำเนิดแสง |
มาตรฐาน |
ลักษณะการใช้งาน |
| NTU |
แสงขาว |
EPA |
น้ำดื่ม, น้ำประปา |
| FNU |
อินฟราเรด |
ISO 7027 |
น้ำเสีย, น้ำมีสี |
| FAU |
อินฟราเรด |
ISO 7027 |
น้ำขุ่นสูง, อุตสาหกรรม |
| EBC |
แสงเฉพาะ |
EBC |
อุตสาหกรรมเบียร์ |
| JTU |
– |
– |
มาตรฐานเก่า, วิชาการ |
NTU คืออะไร? ค่าเดียวที่บอกว่าน้ำใสจริงหรือเปล่า
NTU ย่อมาจาก Nephelometric Turbidity Units เป็นหน่วยที่ใช้วัด “ค่าความขุ่น” ของน้ำ ซึ่งเป็นผลจากอนุภาคแขวนลอย เช่น ดิน ตะกอน สารอินทรีย์ หรือแม้แต่แบคทีเรียที่ทำให้น้ำดูขุ่น
ตัวอย่าง:
- น้ำดื่มที่ได้มาตรฐาน: ค่า NTU ต้องไม่เกิน 1
- น้ำใช้ทั่วไป: อาจยอมรับได้ถึง 5–10 NTU
- น้ำเสียก่อนบำบัด: NTU อาจสูงถึง 100–500 หรือมากกว่า
การใช้เครื่องวัดความขุ่น (Turbidity Sensor) จะช่วยให้สามารถตรวจสอบค่า NTU ได้แบบแม่นยำ ทันเวลา และควบคุมคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอปัญหาเกิดก่อนถึงค่อยแก้
เครื่องวัดความขุ่นแบบต่าง ๆ อาจมีระดับความละเอียดและฟังก์ชันเสริมแตกต่างกัน เช่น ระบบสอบเทียบอัตโนมัติ การเชื่อมต่อข้อมูล หรือแบตเตอรี่พกพา แต่หลักการโดยรวมยังเหมือนกัน คือใช้แสงบอกความสะอาดของน้ำแบบแม่นยำ
เจาะลึก FNU คืออะไร? หน่วยวัดความขุ่นที่ใช้ในมาตรฐานสากล
FNU ย่อมาจาก Formazin Nephelometric Unit
เป็นหน่วยวัดความขุ่นของน้ำที่ใช้ในมาตรฐาน ISO 7027 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลสำหรับการวัดความขุ่นด้วยแสงอินฟราเรด (Infrared Nephelometry)
จุดเด่นของการใช้ FNU
ใช้ แสงอินฟราเรด ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 860 nm ซึ่งไม่ถูกรบกวนจากสีของน้ำ
วัดจาก การกระเจิงของแสง เมื่อส่องผ่านน้ำที่มีอนุภาคแขวนลอย
เหมาะกับน้ำที่มีสี เช่น น้ำเสีย หรือน้ำในกระบวนการอุตสาหกรรม
ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและ ไม่ถูกสีของน้ำบิดเบือน
แล้วเครื่องวัดความขุ่นต้องเลือกใช้หน่วยไหน?
น้ำที่ขุ่นไม่ใช่แค่ดูไม่น่าใช้ แต่มันอาจ ซ่อนอันตรายไว้มากกว่าที่คิด เครื่องวัดความขุ่น ไม่ใช่แค่เครื่องมือวัดค่า แต่เป็นตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น
ถ้าใช้งานในระบบที่เน้น น้ำดื่ม และอยู่ในประเทศที่อิงมาตรฐาน EPA (เช่น สหรัฐอเมริกา) → NTU อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ถ้าใช้งานในระบบที่มี น้ำสีเข้มหรือน้ำเสีย และต้องการความแม่นยำสูงในระดับสากล → FNU จะเหมาะสมกว่า
เครื่องวัดความขุ่นรุ่นใหม่ๆ มักรองรับการวัดได้ทั้ง NTU และ FNU เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายและครอบคลุม